สายพันธ์ุไทยหลังอาน
การรักษาความสะอาด
การแปรงขน สุนัขไมีต่อมเหงื่อเหมือนคนเรา โดยทั่วไปผิวหนังของสุนัขจะประกอบด้วยขน 2 ชนิด คือขนอ่อนชั้นใน และขนแข็งชั้นนอก ที่โคนขนมีต่อมไขมัน ทำหน้าที่เคลือบขนให้เป็นมัน ผิวหนังที่มีขนดังกล่าวจะช่วยป้องกันความร้อนและความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี การถ่ายเทภายใต้ชั้นขนจะช่วยควบคุมอุณหภูมิของอากาศภายนอกตัวสุนัขและขจัดความชื้นบนผิวหนัง
การแปรงขนเพื่อให้อากาศใต้ขนถ่ายเทได้สะดวกจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนั้นการแปรงขนยังช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดเป็นเงางามเพราะมีการนวด ให้ต่อมไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดที่ผิวหนังดีขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นการ กำจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังดว้ย
การแปรงขนจะต้องแปรงเฉพาะขน อย่าให้ถูกผิวหนังเพราะจะทำให้สุนัขเจ็บ แปรงตามเส้นขนลงไปเสมอ ไม่ใช่แปรงทวนเส้นขนขึ้นมา แปรงเบาๆช้าๆ อย่าดึงรุนแรงเวลาขนติด สำหรับสุนัขขนสั้นควรหาแปรงที่ซี่ลวดหนาและสั้น ถ้าอยากให้ขนเป็นมันเงาก็ใช้ผ้าอ่อนๆเช่นผ้าไหมหรือผ้าต่วนเช็ดหลังจาก แปรงแล้ว จะแลดูสวยขึ้น การแปรงขนเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีมากระหว่างสุนัขกับเจ้าของ ควรทำการแปรงขนให้มันทุกๆ วัน
การอาบน้ำ การอาบน้ำบ่อยๆ จะทำให้น้ำมันที่เคลือบขนหมดไป ซึ่งจะมีผลให้ผิวหนังและเส้นขนของสุนัขแห้ง เกิดอาการคัน สุนัขจะกัดหรือเกาทำให้เกิดผล นอกจากนี้ สุนัขยังแพ้ต่อการเป็นโรคทางระบบหายใจ โดยเฉพาะจะเป็นโรคปอดบวมได้ง่าย เพราะฉะนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ แล้วก็ไม่ควรอาบน้ำให้สุนัข
สำหรับลูกสุนัขอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดให้แห้งเช็ดความสกปรก หรือใช้แปรงและการหวีขนบ่อยๆ ก็จะรักษาความสะอาดได้ดีโดยไม่ต้องอาบน้ำ เมื่อโตขึ้นอาจ อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นให้อาทิตย์ละหนก็เพียงพอ หรือเมื่อเกิดรู้สึกว่ามันมีกลิ่นเหม็นแล้ว การอาบน้ำควรอาบในเวลาที่มีแดดออกไม่หนาว ใช้สบู่หรือแชมพู อย่างอ่อนๆ ถูให้ทั่วตัวและหัว ระวังสบู่เข้าตาสุนัขและระวังอย่าให้น้ำเข้าหู จากนั้นต้องล้างสบู่ออกให้หมด เพราะถ้าล้างไม่หมดจะทำให้เกิดการคันจนสุนัข เกาเป็นแผล เสร็จแล้วอย่าลืมเช็ดตัวสุนัขให้แห้งสนิท
การกำจัดและป้องกันเห็บ เห็บ หมัด และแมลงอื่นๆ เป็นตัวนำโรคที่ร้ายแรงหลายชนิดมาสู่สุนัข ส่วนมากสุนัขที่มีหมัดหรือเห็บมากจะมาจากเจ้าของที่ไม่ได้ดูแลสุนัขดีเท่าที่ควร การกำจัดสิ่งเหล่านี้จะต้องกระทำอย่างต่อเนื่องจึงจะประสบความสำเร็จ
หมัดและเห็บมักอยู่บริเวณเนื้ออ่อนๆของสุนัข เช่น ใต้ริมฝีปาก รอบคอ บริเวณหลังเลยหางขึ้นมาหน่อย ซอกเล็บ และบริเวณก้น การดึงหมัดหรือเห็บ ออกจากสุนัข ถ้าเราดึงออกแรงๆ ผิวหนังสุนัขจะเป็นแผล ให้ใช้น้ำมันสนหยดลงไปหยดหนึ่ง จะทำให้มันหลุดออกมา แล้วค่อยจับใส่ขวดน้ำมันเครื่อง อย่าจับแล้วบี้แตก ควรทำการจับหมัดหรือเห็บทุกๆอาทิตย์ และทำความสะอาดที่นอนสุนัขด้วย
ปัจจุบันมีอุปกรณ์ในการจำกัดเห็บหลายประเภท เช่น ยาฆ่าเห็บ แป้งกำจัดเห็บ แชมพูกำจัดเห็บ สเปรย์กำจัดเห็บ ปลอกคอกำจัดเห็บ เป็นต้น ควรศึกษา วิธีการใช้อุปกรณ์เหล่านี้โดยละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะยาหรือสารเคมีที่ใช้ฆ่าแมลงเกือบทุกชนิดเป็นอันตรายต่อทั้งสัตว์และคน เป็นเรื่อง ที่ไม่ยากแต่ต้องการความระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ให้เข้าใจ
การมุ่งกำจัดเห็บเฉพาะที่ตัวสุนัขจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตลอด เพราะเห็บหรือหมัดเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในบริเวณที่อยู่ของสุนัขด้วย ดังนั้นควรใช้ยาฆ่าเห็บ ผสมน้ำราดตามบริเวณที่สุนัขอยู่ทุกครั้งที่ทำการกำจัดเห็บบนตัวสุนัข
การแปรงขน สุนัขไมีต่อมเหงื่อเหมือนคนเรา โดยทั่วไปผิวหนังของสุนัขจะประกอบด้วยขน 2 ชนิด คือขนอ่อนชั้นใน และขนแข็งชั้นนอก ที่โคนขนมีต่อมไขมัน ทำหน้าที่เคลือบขนให้เป็นมัน ผิวหนังที่มีขนดังกล่าวจะช่วยป้องกันความร้อนและความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี การถ่ายเทภายใต้ชั้นขนจะช่วยควบคุมอุณหภูมิของอากาศภายนอกตัวสุนัขและขจัดความชื้นบนผิวหนัง
การแปรงขนเพื่อให้อากาศใต้ขนถ่ายเทได้สะดวกจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนั้นการแปรงขนยังช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดเป็นเงางามเพราะมีการนวด ให้ต่อมไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดที่ผิวหนังดีขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นการ กำจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังดว้ย
การแปรงขนจะต้องแปรงเฉพาะขน อย่าให้ถูกผิวหนังเพราะจะทำให้สุนัขเจ็บ แปรงตามเส้นขนลงไปเสมอ ไม่ใช่แปรงทวนเส้นขนขึ้นมา แปรงเบาๆช้าๆ อย่าดึงรุนแรงเวลาขนติด สำหรับสุนัขขนสั้นควรหาแปรงที่ซี่ลวดหนาและสั้น ถ้าอยากให้ขนเป็นมันเงาก็ใช้ผ้าอ่อนๆเช่นผ้าไหมหรือผ้าต่วนเช็ดหลังจาก แปรงแล้ว จะแลดูสวยขึ้น การแปรงขนเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีมากระหว่างสุนัขกับเจ้าของ ควรทำการแปรงขนให้มันทุกๆ วัน
การอาบน้ำ การอาบน้ำบ่อยๆ จะทำให้น้ำมันที่เคลือบขนหมดไป ซึ่งจะมีผลให้ผิวหนังและเส้นขนของสุนัขแห้ง เกิดอาการคัน สุนัขจะกัดหรือเกาทำให้เกิดผล นอกจากนี้ สุนัขยังแพ้ต่อการเป็นโรคทางระบบหายใจ โดยเฉพาะจะเป็นโรคปอดบวมได้ง่าย เพราะฉะนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ แล้วก็ไม่ควรอาบน้ำให้สุนัข
สำหรับลูกสุนัขอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดให้แห้งเช็ดความสกปรก หรือใช้แปรงและการหวีขนบ่อยๆ ก็จะรักษาความสะอาดได้ดีโดยไม่ต้องอาบน้ำ เมื่อโตขึ้นอาจ อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นให้อาทิตย์ละหนก็เพียงพอ หรือเมื่อเกิดรู้สึกว่ามันมีกลิ่นเหม็นแล้ว การอาบน้ำควรอาบในเวลาที่มีแดดออกไม่หนาว ใช้สบู่หรือแชมพู อย่างอ่อนๆ ถูให้ทั่วตัวและหัว ระวังสบู่เข้าตาสุนัขและระวังอย่าให้น้ำเข้าหู จากนั้นต้องล้างสบู่ออกให้หมด เพราะถ้าล้างไม่หมดจะทำให้เกิดการคันจนสุนัข เกาเป็นแผล เสร็จแล้วอย่าลืมเช็ดตัวสุนัขให้แห้งสนิท
การกำจัดและป้องกันเห็บ เห็บ หมัด และแมลงอื่นๆ เป็นตัวนำโรคที่ร้ายแรงหลายชนิดมาสู่สุนัข ส่วนมากสุนัขที่มีหมัดหรือเห็บมากจะมาจากเจ้าของที่ไม่ได้ดูแลสุนัขดีเท่าที่ควร การกำจัดสิ่งเหล่านี้จะต้องกระทำอย่างต่อเนื่องจึงจะประสบความสำเร็จ
หมัดและเห็บมักอยู่บริเวณเนื้ออ่อนๆของสุนัข เช่น ใต้ริมฝีปาก รอบคอ บริเวณหลังเลยหางขึ้นมาหน่อย ซอกเล็บ และบริเวณก้น การดึงหมัดหรือเห็บ ออกจากสุนัข ถ้าเราดึงออกแรงๆ ผิวหนังสุนัขจะเป็นแผล ให้ใช้น้ำมันสนหยดลงไปหยดหนึ่ง จะทำให้มันหลุดออกมา แล้วค่อยจับใส่ขวดน้ำมันเครื่อง อย่าจับแล้วบี้แตก ควรทำการจับหมัดหรือเห็บทุกๆอาทิตย์ และทำความสะอาดที่นอนสุนัขด้วย
ปัจจุบันมีอุปกรณ์ในการจำกัดเห็บหลายประเภท เช่น ยาฆ่าเห็บ แป้งกำจัดเห็บ แชมพูกำจัดเห็บ สเปรย์กำจัดเห็บ ปลอกคอกำจัดเห็บ เป็นต้น ควรศึกษา วิธีการใช้อุปกรณ์เหล่านี้โดยละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะยาหรือสารเคมีที่ใช้ฆ่าแมลงเกือบทุกชนิดเป็นอันตรายต่อทั้งสัตว์และคน เป็นเรื่อง ที่ไม่ยากแต่ต้องการความระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ให้เข้าใจ
การมุ่งกำจัดเห็บเฉพาะที่ตัวสุนัขจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตลอด เพราะเห็บหรือหมัดเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในบริเวณที่อยู่ของสุนัขด้วย ดังนั้นควรใช้ยาฆ่าเห็บ ผสมน้ำราดตามบริเวณที่สุนัขอยู่ทุกครั้งที่ทำการกำจัดเห็บบนตัวสุนัข
ที่มาhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thai-ko&month=12-2007&date=17&group=2&gblog=6
สายพันธ์ุไทยบางแก้ว
การอาบน้ำ
การที่จะรักษาขนของสุนัขให้สวยงามตลอดนั้นทำได้ไม่ยาก
ผู้ที่เพิ่งเป็นเจ้าของสุนัข ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะต้องอาบน้ำทุกสัปดาห์
ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างผิด ๆ การอาบน้ำเป็นประจำจะทำให้ขนเสีย ขนแห้ง ขนนิ่มบ้าง
และขนร่วง การใช้โลชั่นและน้ำยาทำความสะอาดชนิดต่าง ๆ ติดต่อกัน
ก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบได้ การดูแลขนให้สวยงามอยู่เสมอ
เพียงแต่ใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่อุ่น ๆ ลูบ จากนั้นเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้แห้ง
นับว่าเพียงพอที่จะทำให้ขนของมันอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยมแล้ว
ไม่ควรอาบน้ำถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
แต่เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน สุนัขมีเหงื่อออกมาก
ถ้ายิ่งปล่อยให้มันไปวิ่งซนนอกบ้านบ่อย ๆ ก็ยิ่งสกปรกเร็ว
ควรพิจารณาดูจากสภาพของสุนัข เมื่อเห็นว่าขนเริ่มเหนียว สกปรก
หรือมีกลิ่นเหม็นก็อาบน้ำให้สุนัขได้ ปกติควรเริ่มอาบน้ำเมื่ออายุ 3 เดือนขึ้นไป
แต่หากได้สุนัขมาจากที่อื่น ควรพิจารณาจากสภาพว่าสกปรกมากน้อยแค่ไหน สุขภาพแข็งแรงหรือไม่ เห็บหมัดมากน้อยอย่างไร
หากอยู่ในเกณฑ์พอสมควรเป็นไปได้ก็ให้รีบอาบน้ำเลย เพื่อป้องกันการระบาดของเห็บหมัด
และรักษาโรคผิวหนังพร้อมกับการทำความสะอาด
สุนัขที่โตแล้วควรจะอาบน้ำทุก 3 ถึง 4 เดือน
หรือเมื่อเห็นว่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมม การอาบน้ำควรอาบในเวลากลางวันที่มีแดดออก
แต่ไม่ใช่กลางแสงแดด ควรเป็นแดดอ่อน ๆ จึงได้ผึ่งตัวให้แห้งหลังจากอาบน้ำเสร็จ
แชมพูที่ใช้อาบควรใช้แชมพูที่ผลิตมาเพื่อสุนัขโดยเฉพาะ
เพราะการอาบน้ำจะดึงเอาน้ำมันตามธรรมชาติออกมา จึงไม่ควรใช้สบู่กรดหรือผงซักฟอก
เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบได้
ขณะอาบน้ำต้องระวังไม่ได้ฟองสบู่เข้าตาหรือน้ำเข้าหูได้
อาจใช้สำลีอุดรูหูทั้งสองข้าง พร้อมกับใช้มือกดใบหูให้หลุบลงเพื่อป้องกันน้ำเข้า
การอาบน้ำควรจะราดน้ำให้เปียกทั่วตัวก่อน แล้วจึงถูสบู่หรือแชมพูให้ทั่วตัว
แชมพูบางชนิดมีคำแนะนำให้ทิ้งไว้นานเท่าใด เพื่อฆ่าเชื้อโรคให้ปฏิบัติตามนั้น
ควรฟอกสัก 2 ครั้ง จากนั้นล้างแชมพูออกให้หมด
อาจใช้ครีมนวดเล็กน้อย เพื่อให้ขนเงางาม ล้างน้ำให้สะอาด 2-3 ครั้ง เอาสำลีที่อุดหูออก
หลังอาบน้ำเสร็จแล้วไล่น้ำที่ติดค้างตามขนออกให้มากที่สุด
แล้วใช้ผ้าเช็ดตัว ต้องเช็ดตัวหรือใช้ไดร์เป่าผมเป่าขนให้แห้ง
เพื่อป้องกันความอับชื้น ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเชื้อรา และโรคปอดบวม
การแปรงขน
หมาบางแก้ว
เป็นสุนัขที่ไม่ต้องดูแลขนเป็นพิเศษเหมือนสุนัขพันธุ์ขนยาว
เพียงแค่ต้องการการแปรงขนบ่อย ๆ เพื่อให้สุขภาพขนดีและผิวหนังสดชื่นอยู่เสมอ
การแปรงขนยังเป็นการช่วยนวดให้ต่อไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น
ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี และยังเป็นการขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังด้วย
เริ่มด้วยการใช้ถุงมือแปรงขนสวมมือแล้วลูบให้ทั่วตัว
เพื่อกำจัดขนที่ร่วงและหมดอายุแล้วออกไป ใช้หวีค่อย ๆ
สางขนที่ติดพันกันออกเสียก่อน แปรงขนให้ทั่วทั้งตัว เริ่มจากศีรษะ ต้นคอ ลำตัว
ใต้ท้อง บริเวณขาหน้า ขาหลัง ไปจนถึงหาง ปฏิบัติกับสุนัขด้วยความอ่อนโยน
แปรงตามเส้นขนลงไปเสมอ ไม่แปรงสวนทิศทางของขน เพื่อสุขภาพที่ดีควรแปรงขนวันละครั้ง
เพื่อให้ผิวหนังสดชื่น
หลังจากแปรงขนเสร็จ ใส่ถุงมือที่ปล่อยให้นิ้วโผล่
เพื่อนวดหนังมัน โดยใช้ครีมนวด (ลาโนลีน) โดยแต้มครีมนวดบนฝ่ามือ
ถูมือแล้วลูบไปบนขน ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมผลิตน้ำมันใต้ผิวหนัง
น้ำมันเหล่านี้จะช่วยป้องกันหนังและขนให้พ้นจากแสงแดดและลมที่อยู่รอบตัว
หรือคุณอาจใช้มือนวดไปที่หนังของมันน้ำมันธรรมชาติจากมือคุณจะถ่ายทอดไปยังหนังและขนทำให้ขนเป็นประกายเงางาม
ดูเป็นสุนัขที่มีสุขภาพดี แต่ถ้านวดด้วยครีมนวดจะเห็นผลเร็วกว่า
เสร็จแล้วใช้ผ้านิ่ม ๆ เช่น ผ้าขนสัตว์ของสุนัข ผ้าไหม หรือผ้าต่วนลูบ
ขนจะแลดูสวยงามยิ่งขึ้น
ถ้าคุณต้องการเห็นขนของสุนัขสวยอยู่ตลอดเวลา
การให้วิตามินต่าง ๆ จะเป็นสิ่งที่จำเป็น วิตามินจะช่วยให้ขนไม่ร่วง
นอกจากการร่วงตามปกติปีละครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุที่ความร่างเริงของมัน
ทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานของมันสูง มันจึงไม่อาจจะคงพละกำลังไว้พร้อม ๆ
กับรักษาขนให้มีสีสดสวยได้พร้อม ๆ กัน
เว้นเสียแต่จะให้วิตามินและแร่ธาตุแก่มันอย่างเพียงพอ
และให้โปรตีนและไขมันอย่างได้สัดส่วน
การดูแลเล็บ (การตัดเล็บ)
สุนัขที่เลี้ยงปล่อยวิ่งเล่นตามสนามหญ้าหรือพื้นปูนซีเมนต์
โดยทั่วไปแล้วเล็บจะสึกหรอเอง โดยการเสียดสีกับพื้น ซึ่งไม่ต้องตัดให้เสียเวลา
อย่างมากก็แค่เล็มให้เสมอกับส่วนที่สึกหรอกว่า
ส่วนสุนัขที่เลี้ยงบนพื้นไม้ในบ้านหรือปูพรม จะมีเล็บยาวเร็วกว่าปกติ
ทำให้สุนัขเดินไม่สะดวก และเมื่อทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้นิ้วคดหรือแยกออกจากกัน
ดูไม่สวยงาม ถ้าเล็บถอนหรือตะกุยตะกายเจ้าของ เบาะ หรือประตู
จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนเป็นแผล ดังนั้นจึงควรตัดเล็บทุก ๆ เดือน
ขั้นตอนในการตัดเล็บ
ให้ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสุนัขและไฟฉาย นำสุนัขวางลงบนพื้นข้าง ๆ เรา
ดึงขามาข้างหนึ่ง เอาไฟฉายส่องใต้เล็บให้สามารถมองเห็นเนื้อสีชมพูภายในเล็บได้อย่างชัดเจน
ควรตัดให้ห่างจากบริเวณนี้ประมาณ 2 มิลลิเมตร ถ้าไม่แน่ใจอาจตัดห่างกว่านี้ก็ได้
ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ไม่ตัดลึกเข้าไปถึงส่วนที่มีเส้นเลือดปรากฏอยู่ ถ้าเกิดตัดพลาดไปโดนส่วนนี้เข้า
จะทำให้สุนัขเจ็บปวดมาก ต้องห้ามเลือดโดยการใช้แห้งห้ามเลือด
หรือใช้สำลีชุมทิงเจอร์ไอโอดีนกดไว้ที่ปลายเล็บแน่น ๆ เลือดก็จะหยุดไหลไปเอง
ยิ่งถ้าสุนัขของคุณมีเล็บสีเข้มคุณยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ
เพราะสังเกตได้ยาก ถ้าจะให้ดีควรตัดเล็บสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ถ้าเริ่มชำนาญกับการตัดเล็บแล้ว ควรทำหลังจากตัดแต่งขนเลย
หรือจะตัดหลังการอาบน้ำก็ได้ เพราะเล็บที่เปียกน้ำอยู่จะอ่อนตัวง่ายกว่าธรรมดา
การดูแลใบหู
ควรระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่หูสุนัข เช่น
สบู่ น้ำ ของแข็ง หมัด หรือเห็บ เข้าไปในรูหูสุนัข
เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองแก่หูของสุนัข
เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองแก่หูของสุนัข
นานไปก็จะทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับหู เช่น หนองหรือฝี
ปกติหูมีการสร้างขี้หูออกมาตลอดเวลา
เพราะธรรมชาติสสร้างมาให้ขับสิ่งสกปรกและสิ่งแปลกปลอมที่อาจหลงเข้าไปอยู่ภายในหใออกสู่ภายนอกได้
สุนัขบางตัวมีขี้หูมากบางตัวมีน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละตัวไป
เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ต้องหมั่นตรวจดูด้วยสายตาว่ามีคราบไคลของขค้หูมากน้อยแค่ไหน
มีหนองออกมาหรือไม่ ไม่มีเห็บหรือหมัด ไม่เป็นแผล
การดูแลรักษาใบหูที่ดีจะทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องโรคผิวหนังตามมา
ดังนั้นจึงควรเช็ดทำความสะอาดใบหูทุกวัน ส่วนวิธีการทำความสะอาดช่องหู
โดยใช้แป้งถอนขนหูใส่แล้วใช้มือดึงขนในช่องหูออกให้หมด
หลังจากนั้นใช้สำลีหรือคอตตอนบัดจุ่มน้ำยาเช็ดหู เช็ดในช่องหูให้สะอาด
ควรจะทำความสะอาดหูทุก ๆ สัปดาห์ ถ้าเป็นแผล
หรือตุ่มควรรีบรักษาก่อนที่จะเป็นมากจนหูไม่สวย
การดูแลตา
ตาของสุนัขที่มีสุขภาพดีจะมีแววตาที่แจ่มใส
ไม่ขุ่นมัวหรือมีสีแดง ไม่ควรจะมีขี้ตาแฉะหรือเกรอะกรัง
รวมทั้งไม่มีน้ำตาไหลเป็นคราบ
ถ้าพบเห็นอาการดังกล่าวให้ใช้น้ำยาล้างตาหยดลงไปบนผิวกระจกตา 4-5 หยด เป็นระยะ ๆ
เพื่อให้น้ำยาล้างตาชะเอาสิ่งที่ก่อความระคายเคืองออกไป รวมทั้งเศษขี้ตาด้วย
ถ้าเป็นโรคตาอักเสบธรรมดาเพราะผงเข้าตา ควรล้างตาด้วยกรดบอริคอ่อน ๆ เช็ด รอบ ๆ
ตาด้วยน้ำอุ่น ๆ และหยดยารักษา
ถ้ามีคราบน้ำตาไหลเป็นรอยคราบติดแน่นอยุ่ที่สองข้างหัวตาย้อยมาถึงมุมปาก
ติดขนและผิวหนังแน่นก็อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดคราบน้ำตาเช็ดทำความสะอาด
หรือหมั่นคอยเช็ดถูให้บ่อยครั้ง ขนที่ติดคราบน้ำตาอยู่จะค่อย ๆ
หลุดร่วงไปจนขนใหม่ที่ไม่มีคราบน้ำตาขึ้นมาแทนที่
การดูแลฟัน
เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพเหงือกและฟันของสุนัขให้ดี
เราควรแปรงฟันให้กับสุนัขเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันนุ่ม ๆ (แปรงสีฟันเก่า ๆ
ที่ไม่ใช้แล้วก็ได้) และยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ
แปรงให้กับสุนัขเพื่อป้องกันการเกิดทาร์ทาร์ (Tartar) หรือคราบหินปูน
เป็นสารสีเหลือง ๆ เกาะฟันสุนัข ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคเหงือกและฟัน
และยังทำให้ปากเหม็นอีกด้วย คราบหินปูนเหล่านี้ถ้าไม่รีบกำจัดออก
จะเป็นปัญหามากขึ้นสำหรับสุนัขที่อายุมาก จะทำให้เกิดความรำคาญ
ทำให้อารมณ์ไม่ดีเอาง่าย ๆ ทางที่ดีควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์
อื่น ๆ เพิ่มเติม
หลังกินอาหารเสร็จ
ควรเช็ดถูบริเวณปากให้สะอาดด้วยผ้า เพราะอาจมีคราบสกปรกของอาหารหลงเหลืออยู่
ส่วนขนที่บริเวณอุ้งเท้าและบริเวณใบหน้าให้ใช้กรรไกรเล็มออกบ้าง
การเลี้ยงสุนัขไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์อะไรก็ตาม
ทุกพันธุ์ต้องการการดูแลเหมือน ๆ กัน เพราะถ้าขาดการดูแลที่ดี
สุนัขก็จะไม่สวยงามอย่างที่เราต้องการ
ที่มาhttp://202.29.80.68/bangkaew/?m=view&cate=13
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น